
คู่มือการชมซากุระสำหรับผู้ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก
ฤดูดอกซากุระบานในญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาอันน่าหลงใหลราวกับต้องมนต์ ดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่าซากุระนี้เป็นสัญลักษณ์อันสำคัญแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น ยามซากุระบานไม่เพียงบ่งบอกถึงวันที่อบอุ่นและยาวนานขึ้น ยังเป็นนิมิตหมายของความหวังครั้งใหม่
หากคุณเดินทางไปจุดหมายชมซากุระบานในญี่ปุ่นช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ย่อมจะได้เห็นผู้คนมากมายถือเครื่องดื่มและขนม นั่งเอกเขนกกลางดงต้นซากุระออกดอกสีชมพูสะพรั่ง เทศกาลนี้เรียกว่าเทศกาลฮานามิ (hanami แปลตรงตัวว่าการชมดอกไม้) เป็นการฉลองที่เกิดขึ้นทั่วประเทศเมื่อดอกซากุระบาน
บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่นนั้นราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เป็นฤกษ์งามของการเริ่มต้นใหม่ วันที่อบอุ่น และช่วงเวลาเพื่อหยุดพักแล้วชื่นชมกับความงามของธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นชั่วครู่ชั่วคราว สะท้อนถึงวัฒนธรรมความซาบซึ้งในสรรพสิ่งอันไม่จีรัง หรือโมโนะโนะอาวาเระ (mono-no-aware) ของประเทศญี่ปุ่น
หากคุณยังไม่เคยสัมผัสวัฒนธรรมการชมซากุระบานในญี่ปุ่น เพื่อเตรียมพร้อมให้คุณ เราได้รวบรวมข้อมูลเป็นคู่มือที่ประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ สำหรับฤดูซากุระ
Table of Contents
- 1. ประวัติศาสตร์ขนาดย่ออันน่าแปลกใจของวัฒนธรรมการชมดอกไม้บาน
- 2. ช่วงเวลาดีที่สุดในการชมดอกซากุระบานในญี่ปุ่น
- 3. ความแตกต่างระหว่างดอกซากุระ ดอกท้อ และดอกพลัม
- 4. จุดสังเกตดอกซากุระสายพันธุ์ต่างๆ
- 5. สถานที่สำคัญสำหรับชมดอกซากุระบาน
- 6. แหล่งชมดอกซากุระบานนอกเมืองสำคัญ
- 7. สิ่งที่ต้องมี สิ่งที่ต้องเตรียม
- 8. สุดยอดขนมฤดูซากุระ

สำหรับชาวญี่ปุ่นหลายๆ คน ยามซากุระผลิบานนั้นหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ ประกอบกับเดือนมีนาคมและเมษายนเป็นช่วงเริ่มงานใหม่และช่วงเปิดเทอม ยิ่งทำให้บรรยากาศของฤดูนี้สะท้อนถึงความหวังครั้งใหม่และประสบการณ์ครั้งแรก เป็นเวลาที่อบอวลด้วยความคิดบวกและความมุ่งหวัง (เกสรดอกไม้ด้วยเช่นกัน)
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของฤดูชมซากุระบานนั่นคือการรวมกลุ่มเพื่อชมดอกไม้ เมื่อพิจารณาคำว่าฮานามิ (花見) ที่ประกอบด้วย “ดอกไม้” (花 ฮานะ) และ “การชม” (見 มิ) ทว่า ฮานามิไม่ใช่เพียงการชื่นชมความงามของดอกไม้เท่านั้น แต่เป็นการฉลองแก่ธรรมชาติ การเริ่มต้นใหม่ มิตรภาพ และความตลกคะนอง
จุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มชมซากุระบานในยุคปัจจุบันนี้ ย้อนกลับไปถึงสมัยนารา (ค.ศ. 710-794) แต่ในยุคนั้นเป็นการชมดอกบ๊วยบานเป็นหลัก มีบันทึกจากยุคนาราที่ระบุว่าชนชั้นสูงและข้าราชสำนักอ่านบทกลอนภาษาจีนเพื่อฉลองการผลิบานของดอกบ๊วย
มาถึงยุคเฮอัน (ค.ศ. 794-1185) นิยามของคำว่าฮานามิสื่อถึงการชมดอกซากุระบาน เป็นความสุนทรีย์ในบรรดาชนชั้นสูงเท่านั้น จนกระทั่งยุคคามาคูระและมูโรมาจิ (ค.ศ.1185-1573) ความสุนทรีย์นี้จึงขยายมาสู่ชนชั้นซามูไร
นานนับครึ่งศตวรรษกว่าวัฒนธรรมการชมซากุระบานจะแผ่ขยายไปนอกเหนือจากชนชั้นสูง ในยุคเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) สามัญชนชาวญี่ปุ่นได้เริ่มสังสรรค์กันใต้ต้นซากุระจนกลายเป็นเทศกาลชมซากุระบานอย่างเช่นทุกวันนี้

ช่วงเวลาชมซากุระบานที่เหมาะที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนจะไปที่ใด เพราะแผ่นดินประเทศญี่ปุ่นนั้นแคบและกว้าง ทำให้ฤดูกาลต่างๆ ในตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศแตกต่างกันอย่างมาก ไม่แปลกถ้าจะได้เห็นวันที่แดดเจิดจ้าที่โอกินาว่าซึ่งเป็นหมู่เกาะตอนใต้แห่งหนึ่ง ขณะที่เทือกเขาในฮอกไกโดนั้นมีหิมะปกคลุมจนขาวโพลน
ภูมิอากาศที่หลากหลายนี้ทำให้ระบุวันที่แน่นอนเพื่อชมซากุระบานได้ยาก แต่ถ้าใจเรียกเร้อง คุณอาจเฝ้าติดตามว่าซากุระจะบานที่ใดบ้างได้จากทั่วประเทศ โดยทั่วไปแล้ว ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายนเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ซากุระที่โตเกียว เกียวโต และโอซาก้าผลิบาน
ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นที่อากาศอบอุ่นกว่าภูมิภาคอื่น ทำให้ดอกซากุระบานเร็วขึ้น ในปี 2023 คาดว่าในจังหวัดต่างๆ เช่น วาคายามะ โคจิ และฟุกุโอกะ จะได้เห็นซากุระบานในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคม และในปีนี้ คาดว่าดอกซากุระในโตเกียวจะบานจะช่วงเดียวกัน
ในเกียวโตและโอซาก้า ดอกซากุระจะบานสะพรั่งในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมและสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน หากคุณต้องการชมซากุระบานในช่วงปลายฤดู อาจเดินทางไปที่ซัปโปโรในฮอกไกโด ซึ่งต้นซากุระจะไม่ผลิดอกจนกว่าจะถึงช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะบานตลอดเดือนพฤษภาคมเป็นการทิ้งท้ายฤดูซากุระของทั้งประเทศ
แต่ละปี กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นจะประกาศการพยากรณ์ทางการสำหรับช่วงซากุระบาน โดยในปี 2023 มีการพยากรณ์ดังนี้
เมืองสำคัญ:
● โตเกียว — ผลิดอกวันที่ 22 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 30 มีนาคม
● เกียวโต — ผลิดอกวันที่ 27 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 5 เมษายน
● โอซาก้า — ผลิดอกวันที่ 28 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 5 เมษายน
เมืองอื่นๆ:
● นาโกย่า — ผลิดอกวันที่ 22 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 30 มีนาคม
● โคจิ — ผลิดอกวันที่ 22 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 30 มีนาคม
● ฟุกุโอกะ — ผลิดอกวันที่ 23 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 1 เมษายน
● ฮิโรชิม่า —ผลิดอกวันที่ 26 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 4 เมษายน
● วาคายามะ — ผลิดอกวันที่ 27 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 7 เมษายน
● คานาซาวะ — ผลิดอกวันที่ 4 เมษษยน บานเต็มที่วันที่ 10เมษายน
● เซนได — ผลิดอกวันที่ 8 เมษายน บานเต็มที่วันที่ 13 เมษายน
● นางาโนะ — ผลิดอกวันที่ 9 เมษายน บานเต็มที่วันที่ 15 เมษายน
● อาโอโมริ — ผลิดอกวันที่ 22 เมษายน บานเต็มที่วันที่ 26 เมษายน
● ซัปโปโร — ผลิดอกวันที่ 2 พฤษภาคม บานเต็มที่วันที่ 5 พฤษภาคม

ก่อนถึงฤดูซากุระ มีดอกไม้อีกสองชนิดที่จะผลิบาน ซึ่งทำให้มือใหม่สับสนอยู่บ้าง ดอกไม้ที่ว่าคือดอกพลัมและดอกท้อ ทั้งสองชนิดมีสีชมพูและขาวหลากหลายเฉด จนทำให้ใครต่อใครจำสลับสับสน แต่มีข้อสังเกตที่จะช่วยให้แยกแยะได้ว่าเป็นดอกไม้ชนิดใด
ต้นพลัมมีใบสีเข้มออกม่วงอมแดง ทรงแบน ปลายงอ ส่วนใบต้นซากุระเป็นสีเขียว กลางใบงอราวกับว่าถูกพับ
จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือกลีบดอก หากสังเกตให้ดีที่รูปทรง สี และจำนวนกลีบ จะรู้ได้ว่าเป็นดอกอะไร กลีบของดอกท้อเป็นทรงหยดน้ำ กลีบดอกพลัมเป็นทรงรี ปลายมน ส่วนดอกซากุระ ปลายกลีบแยกออกเป็นสองแฉก
แม้สีจะคล้ายกันมาก แต่เมื่อสังเกตได้จากองค์ประกอบบางอย่างจะเห็นว่าดอกท้อมีสีชมพูอ่อนเท่านั้น ส่วนดอกพลัมมีสีชมพูเข้มจนออกม่วง และที่น่ารู้นั่นคือ ดอกซากุระและดอกพลัมนั้นอาจมีสีขาว
สุดท้าย หากคุณอยากเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ทั้งสาม มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งนั่นคือการสังเกตระยะระหว่างดอกกับต้น การแยกแยะดอกพลัมนั้นง่ายมากเพราะไม่มีก้านดอก ดอกพลัมจะงอกออกจากต้น ส่วนดอกท้อจะมีก้านดอกสั้นๆ ที่แตกแขนงจากหน่อดอกสองหน่อ ดอกซากุระนั้นมีก้านดอกยาวที่เชื่อมกับกิ่ง

ในญี่ปุ่นมีดอกซากุระประมาณ 200 ชนิด หากต้องระบุทั้งหมดคงทำให้คู่มือนี้ยาวเกินไป แต่สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยนั้นมีอยู่จำนวนหนึ่ง
สายพันธุ์หนึ่งคือโซเม-โยชิโนะ เป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด ขึ้นชื่อว่าเป็นชนิดที่มีกลีบสีชมพูบอบบาง นอกจากนี้มียามะซากุระ ที่มีสีชมพูเข้มและกลีบใหญ่กว่าเล็กน้อย และอีกชนิดหนึ่งที่งดงามโดดเด่นคือชิดาเระซากุระ (หรือ “weeping cherry”) ที่มีกิ่งย้อยและดอกขนาดใหญ่ที่กลีบดอกซ้อนกัน สายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์อีกชนิดนั่นคือฟุเง็นโซะ ต้นซากุระที่ออกดอกสีขาวและบานช้ากว่าสายพันธุ์อื่นเล็กน้อย

โตเกียว
แม่น้ำเมกุโระเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกซากุระบานในโตเกียว แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านใจกลางย่านนาคาเมกุโระอันทันสมัย มีต้นซากุระมากกว่า 800 ตั้งเรียงรายริมแม่น้ำ กลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพูสดใสยามที่บานสะพรั่ง อีกทั้งมีแผงลอยขายอาหารและเครื่องดื่มตั้งตามริมแม่น้ำสายนี้ ทำให้บริเวณกลางโตเกียวนี้คึกคักพลุกพล่าน จึงขอแนะนำให้มาที่นี่โดยเลี่ยงช่วงเวลาที่คนหนาแน่น (ช่วงเย็นแต่ละวันหรือสุดสัปดาห์) เพื่อจองที่นั่งชมซากุระได้อย่างเต็มตา
สวนสาธารณะอุเอโนะเป็นอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปหากคุณอยากยืดเส้นยืดสาย นั่งปิกนิก แล้วชมซากุระในบรรยากาศสบายๆ สวนสาธารณะแห่งนี้มีซากุระมากกว่า 1,000 ต้น และในฤดูซากุระ ที่นี่มีสิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งการชมซากุระบานมากมาย ทั้งแผงลอยขายอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีของว่างท้องถิ่นและของว่างตามฤดูกาล หากคุณสนใจจุดชมซากุระที่ไม่เหมือนที่ใด มีสระชิโนบาซุที่คุณสามารถเช่าเรือแล้วพายล่องไปใต้กิ่งซากุระที่แผ่กว้าง สวนอุเอโนะแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์และวัดต่างๆ จึงเหมาะสำหรับทั้งการชมซากุระบานและทำกิจกรรมอื่นๆ
เกียวโต
แหล่งชมซากุระบานสองแห่งที่สำคัญแบบฉบับเกียวโตนั่นคืออาราชิยามะและเส้นทางนักปราชญ์ (The Philosopher's Walk) อาราชิยามะที่มีป่าไผ่อันโด่งดัง มีต้นซากุระประมาณ 1,500 ต้น ชื่อเสียงของที่แห่งนี้ในฐานะจุดหมายแห่งการชมดอกซากุระบานนั้นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เมื่อจักรพรรดิโกซากะได้นำต้นไม้กว่าร้อยต้นจากภูเขาโยชิโนะมาปลูกในบริเวณตำหนักแห่งใหม่ของพระราชวัง
ทางเดินแห่งนักปราชญ์ (The Philosopher’s Walk) ในเกียวโตนั้นเป็นทางหินยาว 2 กิโลเมตรที่ตัดผ่านอุทยานด้านทิศเหนือของเกียวโต โดยด้านหนึ่งมีลำธารขนาบกัน ส่วนอีกด้านมีทัศนียภาพสถาปัตยกรรมสไตล์เกียวโต ที่นี่จึงเป็นทางเดินชมดอกซากุระบานที่สวยเป็นอันดับต้นๆ แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
โอซาก้า
สวนเคมะ ซากุระโนมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) เป็นสถานที่ชมดอกซากุระบานที่ใครๆ ต่างก็นึกถึงเป็นแห่งแรกในโอซาก้า สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่เลียบแม่น้ำโอกาวะและมีต้นซากุระตั้งเรียงรายบนตลิ่ง ที่นี่มีต้นซากุระมากกว่า 4,000 ต้น ทอดยาวประมาณสี่กิโลเมตร มีพื้นที่เหลือเฟือให้ปูเสื่อแล้วนั่งปิกนิก
หากคุณต้องการเดินพลางชมซากุระ อาจไปสถานี Sakuranomiya ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วมุ่งหน้าไปปราสาทโอซาก้า ใช้เวลาเดินเรื่อยๆ เพลินๆ ประมาณ 30-45 นาที ซึ่งคุณจะดื่มด่ำกับทัศนียภาพอย่างเพลิดเพลิน หากเลือกเดินชมซากุระที่นี่ อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับเที่ยวชมอุทยานปราสาทโอซาก้า ที่ปราสาทแห่งนี้มีต้นซากุระประมาณ 4,000 ต้นที่ดูงดงามสะกดสายตาเมื่อสะท้อนกับผืนน้ำรอบคูปราสาท

คานาซาวะในจังหวัดอิชิคาวะเป็นเมืองเก่าแก่ที่งดงามตระการตา เป็นที่ตั้งสถานที่อันน่าอัศจรรย์อย่างสวนเคนโรคุเอ็น ซึ่งผู้คนเชื่อว่าเป็นสวนแบบดั้งเดิมที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น หากคุณมาญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษายน อย่าพลาดสวนแห่งนี้ โดยเฉพาะในฤดูดอกซากุระบานที่ของประดับตกแต่งกลางแจ้งต่างๆ ที่งดงามมีศิลปะถูกโอบล้อมด้วยสีชมพูหลากหลายเฉด
ตอนเหนือของจังหวัดอาโอโมริ เป็นที่ตั้งปราสาทฮิโรซากิ สถานที่สำคัญของคนอาโอโมริแห่งนี้เหมาะสำหรับการชมซากุระบานในญี่ปุ่น มีต้นซากุระอยู่กระจัดกระจายเกือบ 2,600 ต้นซึ่งจะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ช่างภาพมากมายต่างมาที่นี่เพื่อเก็บภาพปราสาทฮิโรซากิที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางซากุระที่เบ่งบาน
ในจังหวัดนารา คุณจะพบโยชิโนะ เมืองเล็กๆ ที่ชื่อเสียงใหญ่โตด้วยซากุระ เมืองนี้มีต้นซากุระมากกว่า 30,000 ที่เริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม เมืองโยชิโนะเป็นที่ตั้งภูเขาโยชิโนะ ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก UNESCO และเป็นแหล่งขึ้นชื่ออันดับต้นๆ เรื่องการชมดอกซากุระบาน ภูเขาแห่งนี้ประกอบด้วยสี่แหล่งสำคัญ แต่ละแหล่งมีสายพันธุ์ซากุระที่แตกต่างกัน แต่เมื่อดูรวมๆ กันแล้วจะเห็นซากุระสีชมพูไล่เฉดกับสีขาว นอกจากนี้ยังมีแหล่งชื่อดังอื่นๆ สำหรับชมดอกซากุระบานในเมืองโยชิโนะ อย่างวัดคินปุเซ็น ซึ่งมีต้นซากุระใหญ่ต้นสำคัญของญี่ปุ่น และศาลเจ้าโยชิมิซึ

หากคุณได้รับเชิญไปชมซากุระบานในญี่ปุ่น ไม่ควรปฏิเสธเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ก็จัดของคุณเองได้เช่นกัน และมีสองสามสิ่งที่คุณต้องไม่ลืมเพื่อให้เหมาะสมตามธรรมเนียม
สำหรับใครที่อยากเลือกสายดั้งเดิม อย่าลืมธรรมเนียมการนำเบนโตะ (มื้อกลางวันในกล่อง) และเครื่องดื่มนิดๆ หน่อยๆ (มักเป็นเบียร์หรือไฮบอลกระป๋อง) รวมทั้งขนมรองท้อง และอาจเตรียมเกมไปด้วยเพื่อความคึกคัก
ทว่า การไปสังสรรค์แบบปุบปับใต้ต้นซากุระที่ผลิบานก็อาจสนุกไม่แพ้แบบดั้งเดิม อย่าลืมเอาผ้าห่มหรือผ้าใบกันน้ำไปด้วยสักผืน ไม่ใช่แค่ใช้นั่งแต่ยังใช้จองที่ได้เช่นกัน คุณอาจซื้อที่มีขายในไดโซะ หรือร้าน “หกสิบบาท” (100 เยน) แห่งอื่น ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการสังสรรค์ใต้ต้นซากุระนั้นหาได้ง่ายดายจากร้านสะดวกซื้อใกล้เคียง

ญี่ปุ่นคือสวรรค์ของนักชิม จึงไม่แปลกที่ประเทศนี้จะมีของว่างสารพัดชนิดในธีมดอกซากุระเพื่อเป็นการฉลองให้ฤดูกาลนี้
หากเป็นแบบดั้งเดิม ย่อมมีโมจิซากุระ ของหวานญี่ปุ่นที่ทำจากโมจิ (ข้าวเหนียว) ห่อด้วยใบซากุระ ส่วนโมจิมีสีชมพูซากุระ รสฝาดของใบไม้หนึ่งคู่นั้นตัดกับรสหวานตามธรรมชาติของโมจิ
ของว่างนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรับประทานคู่กับชาซากุระ ชาชนิดนี้ปรุงจากการแช่กลีบดอกซากุระในน้ำร้อน แม้จะใช้วิธีเรียบง่ายแต่กลับลุ่มลึกด้วยกลิ่นดอกไม้หอมละมุนและรส
หวานอ่อนๆ
หากเป็นแบบสมัยใหม่ โรงงานลูกกวาดและขนมหลายแห่งในญี่ปุ่นได้ผลิตสินค้าธีมซากุระในจำนวนจำกัดให้เราหาซื้อ ส่วน Starbucks ในญี่ปุ่นมักจำหน่ายเครื่องดื่มธีมซากุระหลากหลายแบบ ส่วน Asahi Beer ตกแต่งกระป๋องด้วยลวดลายดอกซากุระอันโดดเด่น ส่วนลูกกวาดและของที่ระลึก ย่อมต้องมีคิทแคท ป็อกกี้ และไอศกรีมรสซากุระ เพื่อให้คุณได้นำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่สื่อถึงฤดูซากุระบานในญี่ปุ่นติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย