แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง 67 แห่งในจังหวัดฮอกไกโด

• ❶ซับโปโร
• ❷โอตารุ, โยอิจิ, ชาโคตัน
• ❸นิเซโกะ, โทยะ, โนโบริเบทสึ
• ❹ฮาโกดาเตะ
• ❺ฟุราโนะ,บิเอ ,อาซาฮิคาวะ
• ❻วัคคาไน, ริชิริ, เรบุน
• ❼โอบิฮิโระ, โทคาจิ
• ❽อาบาชิริ, ชิเรโตโกะ
• ❾คุชิโระ, อะคัง

คลองโอตารุเป็นทางน้ำขนาด 1,139 เมตร ที่สร้างขึ้นเพื่อขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพจากท่าเรือโอตารุ ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นประตูสู่ฮอกไกโดในช่วงเริ่มต้นการเพาะปลูก โกดังหินที่เรียงรายอยู่ริมคลองถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ปัจจุบันภายในมีร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มีหลายวิธีในการเพลิดเพลินกับคลอง ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือ, ขี่รถลาก และทัวร์อาคารประวัติศาสตร์โดยรอบ และอย่าพลาดชมทิวทัศน์ยามเย็นพร้อมจุดตะเกียงสว่างไสวไปตามผืนน้ำ

ในช่วงระหว่างที่จัดงานเทศกาล "Otaru Snow Light Path" ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมฤดูหนาวชั้นนำของฮอกไกโด บริเวณถนนเลียบคลองจะได้รับการตกแต่งด้วยหิมะและมีประติมากรรมน้ำแข็งที่เติมด้วยเทียนจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมแสงธรรมชาติที่แกว่งไกวอย่างนุ่มนวลสุดโรแมนติก

Grotta Azzurra ของอิตาลี (Blue Grotto) อาจมีชื่อเสียง แต่ฮอกไกโดมีถ้ำสีน้ำเงินที่สะดุดตาในตัวเอง ถ้ำที่สวยงามแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ทางทะเลของอุทยานแห่งชาติ Niseko-Shakotan-Otaru Kaigan Quasi รวมถึงมีบริการล่องเรือของ Salt Valley 408 ไม่ว่าจะเป็ยเรือสำรวจ, เรือสำราญ หรือเรือล่องแก่ง โดยจะรอรับนักท่องเที่ยวขึ้นจากท่าเรือแล้วออกสู่ทะเล เล็ดลอดระหว่างช่องว่างในโขดหินเพื่อประสบการณ์การสำรวจถ้ำอันน่าตื่นเต้น พร้อมชมภาพความลึกลับของสีน้ำเงินที่สวยงามด้วยตาคุณเอง beautiful blue spreading out before you.

โรงกลั่นแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในเมืองโยอิจิโดย "บิดาแห่งวิสกี้ญี่ปุ่น" คุณมาซาทากะ ทาเคซึรุ เป็นสถานที่ในอุดมคติสำหรับการผลิตสุราชั้นดี ทางเข้าหลักสร้างด้วยอิฐที่มีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ โรงกลั่นตั้งอยู่บนพื้นที่ 37 เอเคอร์อ พร้อมมีพิพิธภัณฑ์ในสถานที่ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวิสกี้หลายประเภท, เครื่องมือที่ใช้ในการผลิต, ประวัติของโรงกลั่นนิกกะ และอื่นๆอีกมากมายไปกับไกด์ทัวร์ของที่นี่

ลักษณะอันโดดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือจำลองแบบจากปราสาท Egeskov ซึ่งอยู่ในประเทศเดนมาร์ก มีสัตว์ทะเลประมาณ 20,000 ตัวจากกว่า 400 สายพันธุ์ มีสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ อุโมงค์น้ำที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านน้ำ พร้อมตู้แมงกะพรุนที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรดของนกเพนกวินทุกวันซึ่งเป็นที่โด่งดังของที่นี่ แนะนำให้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิดและเพลิดเพลิน 

ท่าเรือมุโรรันได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่งทางบกสู่ทะเลที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดฮอกไกโดกับแผ่นดินใหญ่ เมืองมุโรรันมีรูปร่างค่อนข้างคล้ายชามโดยมีท่าเรืออยู่ตรงกลาง มีโรงงานจำนวนมากที่ตั้งอยู่ริมท่าเรือในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การมาชื่นชมทิวทัศน์ของโรงงานยามค่ำคืนและทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองมุโระรังเริ่มได้รับความสนใจอย่างมาก สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อรับชมทิวทัศน์ที่แปลกตาไม่เหมือนวิวยามค่ำคืนจากเมืองไหนที่คุณเคยเห็นมาก่อน 

สัมผัสประสบการณ์กับการทัวร์ที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้เล่นกับม้าและมองออกไปที่ทะเลสาบโทยะขณะอยู่บนหลังม้าที่ฟาร์มปศุสัตว์ทะเลสาบโทยะ ยินดีต้อนรับทั้งผู้ใหญ่และเด็กด้วยแพ็กเกจช่วยเหลือ เช่น หลักสูตรเดินป่าสำหรับครอบครัว, สำหรับเด็ก และหลักสูตรที่มีเชือกจูงสำหรับเด็กเล็ก เจ้าหน้าที่ของฟาร์มปศุสัตว์จะสอนวิธีจัดการกับม้าและการขี่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นก็จะพาออกจากสนาม พาไปวิ่งเหยาะๆผ่านป่าหญ้าและไปจนถึงที่ราบสูง และสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์อันตระการตาของทะเลสาบโทยะที่ทอดยาวออกไปตรงหน้าคุณ

นกกระจอกเทศซึ่งเป็นนกที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหล่านี้ยืนบนความสูงเฉลี่ยกว่า 2 เมตร อีกทั้งยังมีความสามารถสูงด้วยกำลังขาที่สามารถวิ่งได้เร็วกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิสัยทัศน์ของพวกมันยังสามารถมองเห็นได้ไกลราว 2 กิโลเมตร ฟาร์มแห่งนี้เปิดโอกาสให้แขกได้ชมนกกระจอกเทศวิ่งเล่นท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ โดยมีภูเขาโยเทเป็นฉากหลัง นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อถุงอาหารเพื่อสัมผัสกับพวกมันอย่างใกล้ชิด

สัมผัสการทัวร์ล่องแก่งและพายเรือแคนูแบบสบายๆ เล่นได้ทุกเพศทุกวัยแม้แต่เด็กๆเล็กก็ตาม เส้นทางพายเรือจะวนเป็นวงกลมภายในทะเลสาบอันเงียบสงบซึ่งมีน้ำพุจากบนภูเขาโยเทไหลผ่าน การให้บริการจะแตกต่างกับหลักสูตรล่องแก่งทั่วไปเนื่องจากอำนวยแม้แต่เด็กเล็กและผู้สูงอายุ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับสร้างความทรงจำที่ดีกับเพื่อนหรือครอบครัวของคุณภายใต้บรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาโยเทและธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของนิเซโกะ

พิพิธภัณฑ์และสวนไอนุแห่งชาติ "อุโปะโปย" แห่งนี้เปิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2020 เป็นสถานที่สำหรับการฟื้นฟูและพัฒนาวัฒนธรรมของชาวไอนุ บริเวณนี้ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไอนุพื้นเมือง ที่อุทยานแห่งชาติเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไอนุและวิธีการที่พัฒนาขึ้นผ่านกิจกรรมภาคปฏิบัติต่างๆที่สอดคล้องกับวิถีทางธรรมชาติ มาใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของคุณเพื่อเรียนรู้ถึงความสำคัญของวัฒนธรรมไอนุและการดิ้นรนในการเผชิญในโลกสมัยใหม่

ทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากยอดเขาฮาโกดาเตะอันสวยงามจนได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 3 ดาวใน Michelin Green Guide Japan นอกจากทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะและช่องแคบสึการุแล้ว คุณยังสามารถมองเห็นคาบสมุทรชิโมคิตะของจังหวัดอาโอโมริทางทิศใต้ได้ในวันที่อากาศแจ่มใสได้อีกด้วย สามารถเดินทางไปถึงยอดเขาได้โดยรถประจำทางหรือแท็กซี่ แต่อาจมีผู้คนพลุกพล่านในช่วงพระอาทิตย์ตก ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อความสะดวกในการเข้าถึง  

โบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งแรกของญี่ปุ่นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1860 โดยเป็นโบสถ์ในเครือของสถานทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าตัวอาคารจะเคยถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ แต่ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1916 ในสไตล์รัสเซีย-ไบแซนไทน์แบบที่คุณเห็นในปัจจุบัน โบสถ์แห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ และยังมีชื่อที่ผู้คนในฮาโกดาเรียกกันอย่างวัดกังกังที่มาจากเสียงของระฆังที่ปรับแต่งอย่างสวยงาม 

ศาลาสาธารณะเก่าในฮาโกดาเตะสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1910 (ปีที่ 43 ของยุคเมจิ) บนที่ราบสูงที่สามารถมองเห็นท่าเรือฮาโกดาเตะได้ ดึงดูดสายตาด้วยการผสมผสานเฉดสีน้ำเงินเทาและเหลือง ซึ่งเป็นหนึ่งในโทนสีที่ทันสมัยมากในสมัยนั้น ห้องพักและห้องโถงใหญ่ขนาด 427 ตารางเมตรที่ได้รับการบุำรุงไว้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีร้านเสื้อผ้าที่อยู่ติดกันให้คุณได้สามารถเช่าชุดเดรสและเสื้อคลุมเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและโปรดอย่าพลาดการชมวิวจากระเบียงชั้นสอง

เรื่องราวของโกดังเหล่านี้เริ่มต้นด้วยคุมาจิโระ วาตานาเบะ ผู้สร้างโกดังในยุคเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) และได้เกิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ. 1988 โดยเป็นสถานประกอบการเชิงพาณิชย์ที่คล้ายกับห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ โกดังแต่ละแห่งมีสินค้าหลากหลายประเภทที่หาได้เฉพาะในฮาโกดาเตะเท่านั้น เช่น ของกระจุกกระจิกที่ผลิตในท้องถิ่น ของที่ระลึก เบียร์สดที่ส่งตรงจากโรงเบียร์ แม้แต่ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่ใช้ผลิตภัณฑ์นมสดของฮอกไกโด นอกจากนี้เรายังแนะนำให้เดินเล่นในยามค่ำคืนเมื่อโกดังสว่างไสว ทำให้บรรยากาศค่อนข้างโรแมนติกเลยทีเดียว

โกะเรียวคาคุเป็นที่ตั้งของยุทธนาวีแห่งฮาโกดาเตะ การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายของสงครามโบชินในปีค.ศ. 1868 - 1869 ด้วยเหตุนี้ ปราสาทรูปดาวแห่งนี้จึงถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษแห่งชาติ หอคอยโกเรียวคาคุ มีความสูงถึง 107 เมตรที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของเมืองโดยรอบ จากที่นี่คุณจะได้ชมวิวที่สวยงามของสถาปัตยกรรมรูปดาว, ทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะ และภูเขาฮาโกดาเตะ ที่สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,600 ต้นที่จะช่วยแต่งแต้มสีสันให้พื้นที่โดยรอบเมื่อบานสะพรั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม และเป็นที่ว่ากันว่าฤดูหนาวก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเยี่ยมชมด้วยทิวทัศน์ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟอันน่าอัศจรรย์จากงานเทศกาลไฟประดับ "Goryo Hoshi no Yume Illumination"

ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1898 (ปีที่ 31 ของยุคเมจิ) โดยแม่ชีแปดคนจากฝรั่งเศษที่ถูกส่งไปยังญี่ปุ่น แม้กระทั่งตอนนี้ เหล่าแม่ชียังใช้เวลาทั้งวันที่นี่เพื่ออธิษฐานด้วยความทุ่มเท ซึ่งทำให้ที่นี่จะไม่มีทัวร์ภายในโบสถ์ แต่ผู้เยี่ยมชมสามารถชมสวนอันสวยงามและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของโบสถ์และชีวิตประจำวันของเหล่าแม่ชีได้ ที่นี่มีเค้กเนยมาดแลนที่ขายในร้านแอบบีย์ ซึ่งวางขายที่นี่ที่เดียวเท่านั้น รสชาติเรียบง่ายแต่เหมาะสำหรับเป็นของฝากแสนเพอร์เฟ็ค

สวนสัตว์แห่งนี้มีสัตว์อยู่กว่า 110 สายพันธุ์ ไม่ใช่แค่สัตว์จากขั้วโลกเหนือเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์จากทั่วทุกมุมโลก และได้รับการยกย่องจากแนวคิด "นิทรรศการที่เคลื่อนไหว" ซึ่งออกแบบมาเพื่อแสดงความสามารถทางกายภาพตามธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายให้ดู เช่น หมีขั้วโลกที่ดำดิ่งลงไปในแอ่งน้ำขนาดยักษ์ แมวน้ำที่กำลังแหวกว่ายอย่างสนุกสนานผ่านถังทรงกระบอก ฮิปโปที่นอนเล่นใต้น้ำตลอดทั้งวัน และอีกมากมาย นอกจากนี้ โปรดอย่าพลาดช่วงเวลาให้อาหาร "mogu-mogu" ซึ่งผู้ดูแลจะคอยให้บทเรียนอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับสัตว์

อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซังตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดและครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,300 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติบนบกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีแถบเทือกเขาแอลป์ที่กว้างใหญ่อย่าง เทือกเขาโทคาจิและเทือกเขาอิชิคาระ อุทยานแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่กว้างใหญ่ ได้รับการยืนยันว่ามีดอกไม้ภูเขาอยู่กว่า 250 สายพันธุ์ โดย 40% ของทุกสายพันธุ์เป็นที่ที่รู้จักกันในญี่ปุ่น และยังมีสัตว์หายากอย่าง เอโซะนากิอุซากิหรือกระต่ายร้องไห้แห่งฮอกไกโด (กล่าวกันว่ามีชีวิตรอดมาจากยุคน้ำแข็ง) ผีเสื้ออัลไพน์ (พบได้เฉพาะบนภูเขาไดเซ็ตสึเท่านั้น) นกหัวขวานสีดำ และนกฮูกบลาคิสตัน

หากต้องการเพลิดเพลินไปกับเส้นทางที่เป็นลูกคลื่นและพืชพรรณบนเทือกเขาแอลป์อย่างแท้จริง เราแนะนำให้นั่งกระเช้าลอยฟ้าอาซาฮิดาเกะไปครึ่งทางเมื่อขึ้นไปบนภูเขา แล้วเดินเล่นรอบสระน้ำซุงะตะมิโนะอิเคะ ทิวทัศน์ในฤดูร้อนนั้นวิเศษมาก แต่คุณก็สามารถมาในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเพลิดเพลินกับใบไม้สีแดงที่สวยงามได้เช่นกัน

หากคุณเคยใช้รูปแบ็คกราวด์เริ่มต้นในโน้ตบุ๊ค MacBook Pro ของ Apple ก็อาจจำทะเลสาบที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ได้ ต้นสนชนิดหนึ่งที่เหี่ยวแห้งซึ่งอยู่เหนือผิวน้ำสีฟ้าทำให้เกิดฉากที่แปลกประหลาด แหล่งที่มาของสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์นี้เชื่อกันว่าเป็นคอลลอยด์ ซึ่งเป็นสารผลึกที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำในแม่น้ำบิเอผสมกับน้ำบาดาลของภูเขาโทคาจิ อนุภาคคอลลอยด์ละเอียดกระจัดกระจายไปทั่วสระ กระจายรังสีของดวงอาทิตย์อย่างทั่วถึง และคืนความยาวคลื่นสีน้ำเงินที่สั้นกว่าซึ่งอยู่ในขอบเขตการมองเห็นของมนุษย์ สระน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินที่แตกต่างกันไปตามสภาพอากาศ ฤดูกาล และแม้แต่ช่วงเวลาของวัน ลองไปสักสองสามครั้งเพื่อรับชมความงามในแบบที่แตกต่างกัน 

ฟาร์มโทมิตะประกอบด้วยทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ 12 แห่งที่จะบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกันตลอดทั้งปี รวมถึงทุ่งลาเวนเดอร์หลายสายพันธุ์และทุ่งดอกไม้สีสันสดใสที่ปลูกเป็นแถว ในบริเวณนี้มีระเบียงพร้อมทิวทัศน์จากเทือกเขาโทคาจิและคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ และขนมหวานอื่นๆ ทำให้ง่ายต่อการพักผ่อนที่นี่ในขณะที่คุณเที่ยวชมทุ่งดอกไม้อันสวยงามทั้งหมด  โปรดอย่าพลาดการเที่ยวชมลาเวนเดอร์อีสต์ ทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศหากคุณมาเยี่ยมชมในช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์กำลังบาน

*ตั้งอยู่ในเมืองฮิกาชินากะ เมืองคามิฟุราโนะ ห่างจากฟาร์มโทมิตะประมาณ 4 กม. (ปิดให้บริการระหว่างปี 2021)

อุนไคเทอร์เรซตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,080 เมตร สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติด้านล่างได้ หากสภาพอากาศเหมาะสม หมู่เมฆในระดับความสูงต่ำจะพัดเข้ามาในยามเช้า ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทั้งคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือนชื่นชอบ ซึ่งมีโอกาสเพียง 40% ในแต่ละฤดูกาลที่ทะเลเมฆจะปรากฏขึ้น และยังมีการติดตั้งมากมายบนระเบียงเพื่อให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่ง เติมเต็มทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ได้จากทุกที่ที่คุณต้องการบนจุดชมวิวรูปก้อนเมฆพร้อมทัศนวิสัย 210 องศา เปลญวนที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆ หรือแม้แต่คาเฟ่ชมวิวที่มีสไตล์

ไวน์โทคาจิของเมืองอิเคดะที่ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีโลก ปราสาทไวน์เป็นส่วนหนึ่งของโรงงานที่ซับซ้อนที่เรียกว่าห้องปฏิบัติการองุ่นและไวน์เมืองอิเคดะ ซึ่งบริหารงานโดยรัฐบาลท้องถิ่น ตามทางลาดคุณจะได้พบกับองุ่นสายพันธุ์พิเศษที่พบได้เฉพาะในเมืองอิเคดะ เช่น คิโยไมและยามาซาจิ และภายในปราสาทคุณยังสามารถทัวร์ห้องบ่ม มุมนิทรรศการ มุมชิมไวน์ และร้านอาหารมากมาย สถานที่ที่ดีในการเติมอาหารตามฤดูกาลและไวน์ที่โทคาจิมีให้

นอกจากนี้ภายในพื้นที่ยังมี DCT Garden Ikeda ซึ่งเป็นห้องนิทรรศการที่มีผลงานของ Miwa Yoshida นักร้องและนักแต่งเพลงที่เกิดในอิเคดะ อย่าพลาดโอกาสในการซื้อสินค้าลิมิเต็ด

ท้าทายตัวเองด้วยการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่บนท้องฟ้าของโทคาจิ เต้นรำกลางอากาศและสัมผัสธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของโทคาจิจากด้านบน ประสบการณ์่อันน่าตื่นเต้นที่คุณไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยเท้าของคุณ้ เนื่องจากเป็นที่ราบกว้างใหญ่ ลมเหนือโทคาจิจึงนิ่งมาก ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเล่นพาราไกลด์ดิ้ง ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์นำทางและเพลิดเพลินไปกับการเดินบนท้องฟ้าที่ไม่เหมือนใคร

สถานที่แห่งเดียวในโลกที่ชมการแข่งม้าลากเลื่อนเหล็ก ชมม้าและผู้ดูแลของพวกเขาแสดงพลังง ความเร็ว และความอดทนอันน่าทึ่งลากเลื่อนเหล็กอันทรงพลังที่อยู่ด้านหลัง นอกจากการแข่งที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันจันทร์ สนามแข่งม้ายังมีทัวร์ในช่วงเช้าที่จะแสดงให้เห็นรูปแบบการฝึกของม้าและไฮไลต์ "ความงามของการเคลื่อนไหวที่เงียบสงบ" นอกจากนี้ยังมีสวนสัตว์ฟุเรไอที่ให้เด็กๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับม้า กระต่าย และไก่อีกด้วย

ฟาร์มโทคาจิมีเนื้อที่กว่า 10,130 เอเคอร์และมีแม่น้ำสองสายเป็นของตัวเอง ฟาร์ม์โทคาจิเป็นภูมิภาคที่สวยงามราวกับภาพวาดที่พูดถึงโทคาจิทั้งหมด ที่นี่คุณจะพบถนนที่เต็มไปด้วยต้นเบิร์ชสีขาวยาว 1,300 เมตร ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น "ป่าธรรมชาติที่สวยงาม" ของเมืองโอโตฟุเกะ และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครในญี่ปุ่นมากมาย นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังเป็นบ้านของปศุสัตว์มากมาย เช่น วัว แกะ และม้าพันธุ์ฮอกไกโด สร้างบรรยากาศที่สงบสุขและบรรยากาศ ลองแวะชมวิว 360 องศาที่จุดชมวิวเพื่อขนาดที่น่าตื่นตาตื่นใจของฮอกไกโด

*ภายในฟาร์มปศุสัตว์ ถนนสายหลักระหว่างถนนต้นเบิร์ชสีขาวและจุดชมวิวเปิดให้ผู้เข้าชมทั้งหมด อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าบางพื้นที่ไม่ได้จำกัดไว้เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย

สะพานโค้งที่เคยถูกใช้เป็นทางรถไฟสายชิโฮโระของรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่นในอดีต ปัจจุบันสะพานโค้งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของฮอกไกโด เมื่อฝนตกในเดือนมิถุนายน ทะเลสาบจะก่อตัวขึ้นใต้สะพาน และค่อยๆ จมลงใต้น้ำ จนในเดือนตุลาคม ทะเลสาบจะจมอยู่ใต้น้ำเกือบทั้งหมด จากนั้นเมื่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็งในเดือนมกราคม ภาพของสะพานนี้จะสะท้อนที่บนพื้นผิวของทะเลสาบ ทำให้ได้รับฉายาว่า "สะพานลวงตา" ด้วยรูปลักษณ์อันลึกลับของซุ้มประตูที่สะท้อนบนผิวน้ำทำให้เห็นความงดงามของความโค้งที่ปรากฏ เมื่อทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งและถูกหิมะปกคลุม เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะสวมรองเท้าลุยหิมะและเดินป่ารอบสะพาน

*ถนนที่นำไปสู่สะพานทาอุชุเบ็ตสึปิดให้บริการและจะให้บริการเฉพาะยานพาหนะที่ได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษเท่านั้น ท่านสามารถชมสะพานได้จากหอสังเกตการณ์ทาอุชุเบทสึ สำหรับการทัวร์แบบใกล้ชิด โปรดติดต่อศูนย์ศึกษาธรรมชาติฮิงาชิไทเซ็ตสึ และสอบถามเกี่ยวกับบริการทัวร์ที่มีค่าใช้จ่าย

เรือนจำอาบาชิริเป็นที่รู้จักและเป็นเรือนจำที่ห่างไกลที่สุดในประเทศ  ปัจจุบันได้ย้าย ก่อสร้าง และบูรณะใหม่เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กลางแจ้ง เรือนจำแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3.5 เท่าของโตเกียวโดม พื้นที่ใช้สอยของเรือนจำนี้ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยเมจิ (ค.ศ. 1868 - 1912) และมีการอนุรักษ์โครงสร้างหลายอย่างไว้ในสภาพเดิม เช่น อาคารสำนักงานราชการ เรือนจำและเรือนจำกลางซึ่งทั้งสองแห่งได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และในปี 2017 โรงอาหารในเรือนจำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีเมนูจำลองสิ่งที่นักโทษกินขณะอาศัยอยู่หลังลูกกรงให้ผู้เข้าชมสามารถสั่งอาหารในคุกของตัวเองได้

เรือสำราญที่จะมอบประสบการณ์การเที่ยวชมสถานที่ที่น่าเพลิดเพลินตลอดทั้งปีในช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม - ตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคม - เมษายน) สามารถพบเห็นวาฬออร์ก้าได้บ่อยในต้นฤดูใบไม้ผลิ ในขณะที่ในฤดูร้อน คุณจะเห็นโลมาปากอ่าวแดลสีดำและขาวอันสวยงาม หรือแม้แต่วาฬหัวทุยที่เป็นวาฬที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวาฬที่มีฟันทั้งหมด ในฤดูหนาว เรือสำราญจะแล่นตัดผ่านผืนน้ำแข็งและให้โอกาสผู้โดยสารได้สัมผัสกับธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของชิเรโทโกะ ขณะสังเกตฝูงนกอินทรีย์หางขาวและนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์