Rakuten Travel ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง 56 แห่งในจังหวัดเกียวโต

เกียวโตนั้นขึ้นชื่อในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น เสน่ห์ของเกียวโตอยู่ที่ลักษณะของเมือง, ศาลเจ้า และวัดวาอารามอันเก่าแก่มากมาย ที่นี่คุณสามารถดื่มด่ำกับความงดงามของย่านกิออนขณะเดินเล่นตามเส้นทางที่ปูด้วยหิน หรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของยุคเฮอันได้จากภายในบริเวณวัดคิโยมิซึ-เดระ ไม่ต้องกังวลใจว่าจะไปเที่ยวฤดูไหนดี เพราะเกียวโตเต็มไปด้วยสถานที่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฤดูกาลให้เพลิดเพลินตลอดทั้งปี

ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศมากขึ้นทุกปี เกียวโตยังคงปรับปรุงและพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่องให้คงไว้ซึ่งสเน่ห์อันน่าหลงไหล เราจึงขอแนะนำให้ลองใช้โอกาสนี้ในการชมเมืองเกียวโตจากมุมใหม่หรือค้นหาสถานที่ซ่อนอยู่ที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน

วัดคิโยมิซึเดระเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีเจดีย์ 3 ชั้นตั้งอยู่ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขาโอโตวะ ห้องโถงใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการก่อสร้างด้วยไม้โบราณและวัดชั้นในที่เก่าแก่ จึงเป็นวัดพุทธที่แฝงไปด้วยความเคร่งขรึม แท่นไม้ของห้องโถงใหญ่ตั้งอยู่เหนือหน้าผาและรองรับด้วยคานที่ออกแบบอย่างประณีต ซึ่งอาจทำให้คุณแปลกใจที่รู้ว่าวัดที่แห่งนี้นั้นไม่ได้ใช้ตะปูในการสร้างเลย 

อีกทั้งคุณไม่ควรพลาดชมทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตจากบริเวณระเบียงไม้ ซึ่งมีทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลตลอดทั้งปี ตั้งแต่ดอกซากุระและความเขียวขจีในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ไปจนถึงใบเมเปิลสีแดงเข้มในฤดูใบไม้ร่วง

บริเวณด้านเหนือจากอาคารหลักของวัดคิโยมิซึเดระ คือศาลเจ้าจิชู ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโตในบริเวณวัดทางพุทธศาสนาที่อุทิศให้กับเทพประจำวัด มีชื่อเสียงในเรื่องความโชคดีในด้านความรัก และยินดีต้อนรับผู้มาละหมาดเพื่อขอคู่ครองเป็นประจำ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมสำหรับหินดูดวงความรัก ตามตำนานเล่าว่าถ้าคุณหลับตาลงแล้วเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้อย่างปลอดภัย ความปรารถนาเกี่ยวกับความรักของคุณจะเป็นจริง

เส้นทางสู่วัดคิโยมิซึเดระจะพาคุณไปตามเส้นทางลาดเขา 3 เส้นทาง ได้แก่ นีนซากะ, ซันเนนซากะ และคิโยมิซึซากะ ซึ่เป็นถนนท่องเที่ยวชั้นนำของเกียวโตที่ต้อนรับผู้มาเยือนจำนวนมากตลอดทั้งปี ตลอดตามเส้นทางปูหินที่โอ่อ่าคุณจะพบร้านขายของที่ระลึก, ร้านขนมหวาน, ร้านขายของจิปาถะของญี่ปุ่น และสถานประกอบการที่มีเอกลักษณ์สไตล์เกียวโตอื่นๆมากมาย 

ถนนนิเน็นซากะนั้นยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ "Starbucks Coffee Kyoto Ninenzaka Yasaka Chaya" ซึ่งเป็น Starbucks แห่งแรกที่อยู่ในบ้านญี่ปุ่นอายุ 100 ปี และมีเบาะเสื่อทาทามิ นอกจากนี้ในบริเวณศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Musubiya ริมถนนยังมีห้องน้ำสาธารณะ ทำให้เป็นสถานที่ที่สะดวกต่อการแวะพักระหว่างการเดินทาง

วัดนี้สร้างโดย "เนเนะ" ซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายพลโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และได้รับการตั้งชื่อว่า "วัดของเนเนะ" ด้วยความรัก นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง โดยมีการประดับไฟประดับไฟในทั้งสองฤดูกาล 

ในขณะที่คุณอยู่ที่นี่ เราแนะนำให้เดินเล่นไปตามเส้นทางเนเน่ ซึ่งเป็นเส้นทางปูหินที่ปูด้วยหินแกรนิตโดยรอบซึ่งทอดยาวไปทางด้านตะวันตกของหน้าวัดโคไดจิ

ศาลเจ้ายาซากะแห่งนี้ขึ้นชื่อในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของเกียวโต ผู้คนมาที่นี่เพื่ออธิษฐานเพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจ

ทางทิศตะวันออกของศาลเจ้าชั้นในคือ "อุตสึคุชิ โกเซ็นฉะ" ซึ่งเป็นศาลเจ้าย่อยที่ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำพุที่สวยงาม ซึ่งว่ากันว่าจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันทางฝั่งตะวันตกคือ "โอกุนิ นุชิฉะ" ศาลเจ้าย่อยอีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความโชคดีในความรั และยังมีแผ่นจารึกรูปหัวใจที่น่ารัก 

ศาลเจ้ายาซากะยังเป็นที่ตั้งของเทศกาลกิอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นตลอดเดือนกรกฎาคม หนึ่งในไฮไลท์ของเทศกาลนี้คือขบวนพาเหรดยามาโฮโกะ ขบวนแห่ของเทศกาลที่ติดตั้งง้าวประดับที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

วัดยาซากะโคชินโดเป็นที่กล่าวขานของเมืองในเรื่องเครื่องรางผ้าคุคุริซารุสีสันสดใสและน่าถ่ายรูป ว่ากันว่าถ้าคุณเขียนคำอธิษฐานลงบนคุคุริซารุและแขวนไว้ที่วัด คำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง บริเวณถนนด้านหน้าวัดก็ยังมีร้านคาเฟ่, ร้านขายของที่ระลึก และเจดีย์ห้าชั้นอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินเล่นอย่างผ่อนคลาย

ศาลเจ้าศาลเจ้ายาซุอิ คมปิระกูเป็นที่รู้จักในฐานะศาลเจ้าเพื่อขจัดความสัมพันธ์ที่แย่และเพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อคุณไปเยี่ยมชม คุณจะถูกดึงดูดไปยังหินศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมไปด้วยใบสวดมนต์ หลังจากสวดมนต์ไปที่ศาลเจ้าชั้นในแล้ว ให้จดความสัมพันธ์ที่คุณต้องการจะจบหรือความสัมพันธ์ที่คุณต้องการเริ่มต้น (เรียกว่า คาตะชิโระ) แล้วตั้งจิตอธิษฐานในใจขณะที่คุณลอดผ่านเข้าไปในรูหิน ให้ทำทั้งจากด้านหน้าไปด้านหลังและจากด้านหลังไปด้านหน้า-และสุดท้ายให้ติดใบคาตะชิโระเข้ากับหินเพื่อสิ้นสุดพิธีกรรม

วัดเค็นนินจิเป็นวัดเซนที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโต เป็นที่ตั้งของแบบจำลองที่พลาดไม่ได้ของจอพับที่วาดภาพของเทพเจ้าแห่งลมและเทพเจ้าแห่งสายฟ้า ซึ่งเป็นสมบัติของชาติโดยศิลปิน "Tawaraya Sotatsu" ในยุคเอโดะ หลังจากแสดงความเคารพแล้ว ลองเข้าร่วมบทเรียนคัดลอกพระสูตรที่จัดขึ้นเป็นประจำ (มีค่าธรรมเนียม 1,000 เยน *ไม่ต้องจองล่วงหน้า) วัดยังเป็นเจ้าภาพหลักสูตรการทำสมาธิแบบเซนตั้งแต่เวลา 07:30 น. ในวันอาทิตย์ที่สองของทุกเดือน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการลองสัมผัสประสบการณ์แบบลัทธิเซน

ถนนฮานามิโคจินั้นตัดตรงผ่านย่านกิอง โดยมีถนนซันโจโดริอยู่ทางทิศเหนือและวัดเคนนินจิทางทิศใต้ บริเวณนี้เหมาะสำหรับการเดินเล่นโดยสามารถลองแวะร้านกาแฟ และร้านขนมยอดนิยมของญี่ปุ่นได้ตลอดเส้นทาง

ทางเดินจากถนนชิโจโดริไปจนถึงวัดเคนนินจิมีร้านน้ำชาและร้านอาหารเก่าแก่หลายแห่ง ให้บรรยากาศของย่านเกอิชาสุดคลาสสิก ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินคุณอาจพบเกอิชาฝึกหัดที่กำลังเดินทางไปงานเลี้ยงอาหารค่ำของพวกเธอก็ได้

*ห้ามถ่ายภาพถนนส่วนบุคคลตามถนนสายนี้ โปรดทราบว่าห้ามแตะต้องเกอิชาหรือถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด

โรงละครมินามิสะตั้งอยู่ที่เชิงสะพานชิโจโอฮาชิ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 400 ปี โรงละครแห่งนี้กล่าวกันว่าเป็นที่ที่คาบูกิถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกโดย "อิซูโมะ โนะ โอกุนิ" หญิงสาวผู้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แม้ในวันที่ไม่มีการแสดง ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับตัวอาคารอันมีเอกลักษณ์ได้ และในขณะนี้ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว

สถานีเกียวโตเปรียบเสมือนประตูสู่การเดินทาง ซึ่งมีสถานที่มากมายให้ทั้งครอบครัวได้เพลิดเพลินในพื้นที่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นเกียวโตทาวเวอร์หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกียวโต อีกทั้งภายในอาคารสถานีเองก็เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปชมให้ได้

เมื่อก้าวออกจากสถานีเกียวโตสิ่งแรกที่คุณเห็นคือแลนด์มาร์กของเกียวโตแห่งนี้ หอคอยแห่งนี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประภาคารสูง 131 เมตรนี้มีหอดูดาวที่ความสูง 100 เมตรพร้อมทิวทัศน์มุมกว้าง 360 องศาของตัวเมืองเกียวโตทั้งหมด 

ภายในทาวเวอร์ยังมีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นชั้นใต้ดินของทาวเวอร์ยังมีห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ดังนั้นหากคุณมาถึงเกียวโตด้วยรถบัสกลางคืน เราจึงขอแนะนำให้มาลองแช่ตัวในช่วงเช้าตรู่ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวในตอนเช้า 

ยินดีต้อนรับสู่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่นี่คุณสามารถชื่นชมสัตว์น้ำจากทั่วทุกมุมโลกได้พร้อมซึมซับบรรยากาศที่มีกลิ่นอายของเกียวโต พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยังมีกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยหมู่บ้านที่อนุรักษ์ระบบนิเวศทางธรรมชาติ จนแทบจะลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในใจกลางมหานครของเกียวโต 

ในปี 2020 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้เปิดพื้นที่แห่งใหม่ในชื่อ "ความมหัศจรรย์ของเหล่าแมงกะพรุน" โดนจะมีการจัดแสดงแมงกะพรุนกว่า 5,000 ตัวจาก 20 สายพันธุ์ หากคุณมากับเด็กๆหรือคู่รักของคุณเราขอแนะนำให้ลองมาเยี่ยมชมที่บริเวณนี้

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดในเดือนเมษายนปี 2016 เพื่อสอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมของการเดินรถไฟ โดยจะแสดงให้เห็นว่าระบบรถไฟช่วยให้แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นนั้นก้าวไปสู่ความทันสมัยได้อย่างไร และมีบริการทัวร์สร้างเสริมประสบการณ์ที่ผู้เข้าชมสามารถขึ้นรถไฟโดยสารที่เชื่อมต่อกับหัวรถจักรไอน้ำจริง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มอบความสนุกสนานสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วยโอกาสที่จะได้เห็น, สัมผัส และใกล้ชิดกับรถไฟต่างๆ

ตั้งอยู่ที่เชิงเขาซึคิโนวะ โดยเป็นวัดหลักของนิกายโทฟุคุจิของโรงเรียนสอนพุทธศาสนารินไซ โดยมีพระศากยมุนี (พระพุทธโคตม) เป็นพระพุทธรูปหลักในการสักการะ บริเวณกว้างใหญ่เหล่านี้รวมถึงวัดหลักและวัดเล็กๆอีกหลายแห่ง วัดแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง โดยมีต้นเมเปิ้ลมากกว่า 2,000 ต้นในบริเวณวัด ทิวทัศน์ที่มองจากสะพานซึเท็นเคียวเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง

ห้องโถงใหญ่ของวัดซันจูซังเก็นโดนั้นมีความสูงเกือบ 121 เมตร เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมทั้งหมด 1,000 องค์ที่ยืนนิ่งตลอดจนรูปปั้นขนาดมหึมาของรูปปั้นพระพุทธรูปคันน็อนที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ รูปปั้นแต่ละองค์จะมีใบหน้าที่แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งเชื่อกันว่าผู้เยี่ยมชมแต่ละคนจะได้เห็นใบหน้าของบุคคลที่พวกเขาปรารถนาจากบนรูปปั้นเหล่านั้น

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ประมาณ 12,000 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับเกียวโต ฝั่งของอาคาร Heisei Chishinkan จะมีการจัดแสดงต่างๆเป็นประจำ ทำให้ผู้เข้าชมสามารถชมคอลเล็กชันส่วนใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ได้ และส่วนห้องโถง Meiji Kotokan ที่เป็นสัญลักษณ์ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง  "Tokuma Katayama" ได้รับการก่อสร้างด้วยอิฐสีแดงที่ได้รับแรงบันดาลใจด้วยสไตล์บาโร้ค และได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญโดยรัฐบาลญี่ปุ่น

ด้วยแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 แห่งนี้เหมาะเป็นสำหรับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนที่เกียวโตของคุณ ขอแนะนำให้มาที่นี่เพื่อสัมผัสบรรยากศของวัดต่างๆและสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม

แม้ว่าวัดแห่งนี้จะรู้จักกันในชื่อทางการว่า "โรคุองจิ" แต่วัดแห่งนี้ในนิกายโชโกคุจิของสำนักพุทธศาสนารินไซเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อเล่นว่า "คิงคาคุจิ" (วัดทองคำ) โดยศาลาทั้ง 3 ชั้นของวัดได้รับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีแผ่นทองคำเปลวประมาณ 200,000 ชิ้นประดับประดาอยู่ตามผนัง ด้วยความงดงามของวัดแห่งนี้จึงได้รับความสนใจจากทั่วโลก  ที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย หากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเกียวโต ไม่ควรพลาดการเดินทางไปที่วัดทองคำแห่งนี้

วัดนินนา-จิเป็นวัดหลักของนิกายโอมุโระของโรงเรียนสอนพุทธศาสนาชินก็อน และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งในเกียวโต นอกจากห้องโถงที่ประดับด้วยทองคำได้รับการยอมรับให้เป็นสมบัติของชาติแล้ว บริเวณนี้ยังประกอบด้วยอาคารวัดต่างๆ รวมถึงเจดีย์ห้าชั้น, พระราชวังกลาง และประตูวัดที่ดูแลโดยรูปปั้นของสองเทพกษัตริย์ผู้น่าเกรงขาม

บริเวณนี้ยังมีต้นซากุระโอมุโระ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นต้นซากุระที่บานช้าที่สุดในจังหวัดเกียวโตและยังเป็นที่รักของคนในท้องถิ่นมาหลายชั่วอายุคน

วัดเรียวอันจิเป็นที่รู้จักจากสวนหินที่ให้บรรยากาศอันเคร่งชรึม เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยสวนที่สร้างขึ้นจากหิน (Karesansui Rock Garden) ขนาด 248 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงโคลนที่มีหลังคามุงหลังคา ซึ่งใช้เพียงทรายขาวและหิน 15 ก้อนในการสร้างแต่กระนั้นกลับมีความงดงามน่าประทับใจในตัวของมันเอง หินถูกจัดวางในตำแหน่งที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้และซ่อนอยู่ภายในสวน โดยใช้วิธีการสร้างด้วยมุมมองที่ค่อนข้างซับซ้อน

พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย เช่น พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโตและปราสาทนิโจซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของเกียวโตในสมัยก่อน ที่นี่คุณจะได้พบกับวัดและศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติอันเขียวขจีอย่างแม่น้ำคาโมะและป่าทาดาสึโนะโมริ

ศาลเจ้า Kamotake Ikazuchi-jinja หรือที่เรียกขานกันว่าศาลเจ้า Kamigamo-jinja สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาลเจ้าของผู้ปกครองแคว้นตระกูล Kamouji ซึ่งพำนักอยู่ที่นี่มานานก่อนที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นจะย้ายไปที่เกียวโตในสมัยเฮอัน (ปี 794-1185) สร้างขึ้นในปี 678 และได้รับการบูชาสักการะมานานกว่า 1,300 ปีในฐานะศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโต และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 

นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะจุดรวมพลังทางจิตวิญญาณที่มีองค์ประกอบทางศาสนาต่างๆให้ชม รวมทั้งประติมากรรมทรายที่สร้างขึ้นในลักษณะคล้ายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าเสด็จลงมาสถิต เช่นเดียวกับศาลเจ้าคาตายามะ มิโกะ-จินจะ ที่มอบความโชคดีในด้านความรัก และบุคคลจากราชสำนักอย่าง Murasaki Shikibu เคยมาเยี่ยมเยือน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี ศาลเจ้าแห่งนี้จะจัดเทศกาล Aoi ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของเกียวโต มาเยี่ยมชมในช่วงเวลานี้เพื่อชมขบวนแห่ของชาวบ้านที่แต่งกายในชุดขุนนางสมัยเฮอันซึ่งจะเดินทางจากพระราชวังไปยังศาลเจ้าคามิกาโมะ-จินจะ

ศาลเจ้า Shimogamo-jinja ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น เปรียบเปรย Kamotaketsunumi no Mikoto ให้เป็นดั่งปู่ และเปรียบ Tamayorihime no Mikoto เป็นดั่งมารดาของเทพเจ้า Kamowake Ikazuchi no Kami ผู้สิงสถิตอยู่ในศาลเจ้า Kamigamo-jinja บริเวณใกล้เคียง 

ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงทั้งจากการที่มีป่าดึกดำบรรพ์ Tadasu no Mori อันกว้างใหญ่ ซึ่งยังปรากฏอยู่ในตำนานเรื่องเก็นจิโมโนกาตาริอีกด้วย และยังเป็นสถานที่จัดพิธียิงธนูบนหลังม้ายาบุซาเมะที่จัดขึ้นทุกปีในวันที่ 3 พฤษภาคม ก่อนจะเริ่มเทศกาลอาโออิ 

ภายในป่า Tadasu no Mori คือศาลเจ้า Kawai-jinja ที่ซึ่งผู้คนไปสวดมนต์เพื่อสุขภาพที่ดีและความงามที่ยั่งยืน และสิ่งที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวผู้หญิงคือ "แผ่นจารึกคำปฏิญาณ" ซึ่งนิยมใช้ประดับด้านหน้าด้วยเครื่องสำอางจริงก่อนนำไปถวายที่ศาลเจ้า ศาลเจ้า Aioi-sha ใกล้กับประตูโทริอิทางเข้าทิศใต้ยังขึ้นชื่อเรื่องความโชคดีในความรักและเต็มไปด้วยความหวังของคนหนุ่มสาวที่จะอธิษฐานเผื่ออนาคตของพวกเขาสองคน

ศาลเจ้า Kitano Tenman-gu เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้า Tenman-gu และเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าแห่งวิชาการ Sugawara no Michizane รวมถึงเป็นสถานที่แห่งแรกของการสักการะเทนจิน และวันนี้นักเรียนจำนวนนับไม่ถ้วนมาสวดมนต์ที่นี่ก่อนการทดสอบโดยหวังว่าจะได้รับโชคทางด้านการเรียน พัฒนาการทางร่างกายหรือจิตใจ และการป้องกันจากภัยพิบัติ ศาลเจ้ายังมีชื่อเสียงในเรื่องดอกบ๊วยที่จะเริ่มบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงยังมีทัศนียภาพอันงดงามของดอกพลัมสีขาวและสีแดงในช่วงเดือนมีนาคม 

ยิ่งไปกว่านั้นที่ศาลเจ้าจะจัดงาน "Tenjin Fair" ในวันที่ 25 ของทุกเดือน ซึ่งคุณจะเห็นแผงขายของมากมายในบริเวณศาลเจ้าที่ขายของกระจุกกระจิก เสื้อผ้าของคนสมัยก่อน และสินค้าอื่นๆในราคาที่เป็นกันเอง และไม่ควรพลาดการแสดงแสงสีหลังพระอาทิตย์ตกจนถึงเวลาสามทุ่ม

พิพิธภัณฑ์ผ้าทำมือโอรินาสึคังซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเมืองนิชิจิน ซึ่งเป็นเมืองแห่งผ้าชั้นนำของเกียวโต ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสไตล์การทอผ้าแบบนิชิจินและรับชมวิธีการทำผ้าคาดเอวกิโมโน มีแม้กระทั่งนิทรรศการสาธิตรูปแบบการทอผ้าด้วยมือจากทั่วประเทศ คุณยังสามารถจองคอร์สเรียนการทอผ้าด้วยด้วยมือได้อีกด้วย (สำหรับสามคนขึ้นไป โดยมีค่าใช้จ่ายแยกกับค่าเข้า)

สวนแห่งชาติเกียวโตเกียวเอ็นเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีเส้นรอบวงประมาณ 4 กิโลเมตร และเป็นที่ตั้งของพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ที่ซึ่งจักรพรรดิ์ประทับอยู่จนถึงยุคเมจิ (ปี 1868-1912) เป็นที่ตั้งของต้นไม้ประมาณ 50,000 ต้น รวมทั้งมีต้นพลัม, เชอร์รี่, ลูกพีช และเมเปิ้ล ทำให้เป็นสถานที่ที่สวยงามในการเดินเล่นทุกฤดูกาล 

พระราชวังอิมพีเรียลยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้อย่างอิสระ โดยผู้เข้าชมสามารถชมอาคารสำคัญๆในพระราชวังได้อย่างใกล้ชิด เช่น ตำหนักชิชินเด็น (ที่ซึ่งองค์จักรพรรดิแห่งยุคสมัยเมจิ, ไทโช และโชวะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์) และตำหนักเซเรียวเด็น (ที่ซึ่งองค์จักรพรรดิพำนักอยู่)

การก่อสร้างปราสาทนิโจเริ่มขึ้นในปี 1603 (ปีที่ 8 ของยุคเคโจ) ตามคำสั่งของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาซึ ซึ่งเป็นทั้งป้อมปราการสำหรับพระราชวังเกียวโต และเป็นจุดพักผ่อนเมื่อโชกุนมาเยือนเกียวโต โดยถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของหลานเขา โทคุกาวะ อิเอมิตสึ ปราสาทที่คุณเห็นในปัจจุบันนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว การออกแบบทำให้นึกถึงพลังอันน่าประทับใจของตระกูลโทคุกาวะ และคุณจะพบว่าผลงานศิลปะการแบ่งห้องและการแกะสลักไม้หน้าจั่วนั้นสวยงามเกินคำบรรยาย ในขณะที่คุณอยู่ที่นี่อย่าลืมแวะไปที่ห้องโถงใหญ่ของพระราชวังนิโนะมารุที่ซึ่งโชกุนโยชิโนบุ (โชกุนรุ่นที่ 15) ได้ประกาศถึงการแก้ไขการปกครองของจักรพรรดิ ในฤดูใบไม้ผลิพื้นที่ทั้งหมดจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกซากุระล้อมรอบปราสาทในบรรยากาศที่สดใส

ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ใหม่ๆตั้งขึ้นควบคู่ไปกับสถานที่ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ทำให้ย่านนี้เป็นย่านช้อปปิ้งแห่งเดียวในเกียวโตที่ผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายของสถานที่เก่าและใหม่

ตลาดที่มีเส้นทางยาว 390 เมตรที่รู้จักกันในนามครัวของเกียวโตแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าประมาณ 130 ร้านที่จำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่ปลาสด, พืชผักต่างๆ, สินค้าแห้ง, ผลิตภัณฑ์ดอง และแม้แต่ขนมหวาน ร้านค้าบางแห่งสามารถให้ชิมได้ รวมถึงบางร้านก็มีพื้นที่สำหรับรับประทานในร้านอีกด้วย ดังนั้นอย่าลังเลที่จะรับประทานอาหารขณะเดินทางไปในย่านแห่งนี้ และอย่าพลาดลองชิมผักดองของเกียวโตอันมีชื่อเสียง

พิพิธภัณฑ์เกียวโตสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพิธีรำลึกครบรอบ 1,200 ปีเมืองหลวงโบราณของเฮอัน โดยจัดแสดงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจังหวัดด้วยวิธีที่เข้าใจง่าย นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษที่หลากหลายแล้ว ยังจัดแสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับเกียวโตและฉายภาพยนตร์ชื่อดังของเกียวโตอีกด้วย 

อาคารอิฐสีแดงซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสาขาเกียวโตของอดีตธนาคารญี่ปุ่น ได้รับการออกแบบโดย "Kingo Tatsuno" ผู้ออกแบบอาคารสถานีโตเกียวด้วย ปัจจุบันถูกจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และมีร้านกาแฟอยู่ในห้องนิรภัยทองคำหลังได้รับการปรับปรุงใหม่ ตลอดจนร้านอาหารและร้านค้าอื่นๆ เราจึงขอแนะนำให้ไปลองเยี่ยมชมอาคารที่มีการผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออกสมัยใหม่ได้ที่นี่่

วัดโบราณแห่งนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นโดยเจ้าชายโชโตคุ เดิมเรียกกันว่า "รกคะคุโดะ" (ห้องโถง 6 เหลี่ยม) เนื่องจากรูปทรงหกเหลี่ยมของห้องโถงใหญ่ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นต้นกำเนิดของประเพณีการจัดดอกไม้ของญี่ปุ่น ตามเรื่องราวโบราณที่บรรยายถึงพัฒนาการของศิลปะจากอาจารย์ใหญ่อิเคโนะโบหลังจากวางดอกไม้ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ภายในอาคารข้างเคียงนั้นมีร้านสตาร์บัคส์อยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งจะมองเห็นทิวทัศน์ของบริเวณวัดได้อย่างไม่มีสิ่งใดมาบดบัง เราขอแนะนำให้คุณหยิบถ้วยกาแฟมาจิบขณะมองออกไปที่วัดและดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามในตลอดทุกฤดูกาล บริเวณนี้จึงเหมาะสำหรับการเดินเล่นสบายๆ และหากคุณเป็นคนรักศิลปะ ไม่ควรพลาดชมพิพิธภัณฑ์ของที่นี่เช่นกัน

วัดในสมัยเอโดะแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า “วัดเงิน” ประกอบกับ คิงคาคุจิ (วัดทองคำ) เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ"วัดจิโชจิ" เมื่อสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศบนภูเขาโดยนายพลทหารอาชิคางะ โยชิมาสะ โดยได้รับชื่อเล่นในปัจจุบันหลังจากที่นายพลเสียชีวิตเนื่องจากตัววัดได้รับการปรับปรุงใหม่ภายใต้โรงเรียนพุทธศาสนารินไซ เป็นสถานที่ที่นิยมมากในการสัมผัสประสบการณ์มุมมองที่ไม่เหมือนใครของ wabi-sabi ซึ่งเป็นแนวคิดทางศิลปะของญี่ปุ่นที่เน้นไปที่ความไม่สมบูรณ์แบบและความไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในสุนทรียภาพทางสุนทรียะของนายพลโยชิมาสะ วัดแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

ทางเดินริมคลองนี้ทอดยาวจากศาลเจ้า Nyakuoji-jinja ไปจนถึงวัด Ginkaku-ji และได้ชื่อมาจากนักปรัชญาชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง "Kitaro Nishida" ที่เดินมาตลอดเส้นทางนี้โดยที่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นเชอร์รี่ "Somei-Yoshino" ประมาณ 400 ต้นจะแต่งแต้มสีสันของเส้นทางระยะทาง 2 กิโลเมตรเป็นสีชมพูสดใส อีกทั้งสีเขียวอันเขียวขจีของฤดูร้อนและใบไม้สีแดงเข้มของฤดูใบไม้ร่วงก็สวยงามเช่นกัน ทำให้ผู้มาเยือนได้ชมวิวที่สนุกสนานไม่ว่าในฤดูใดก็ตาม

ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นในปี 1895 (ปีที่ 28 ของยุคเมจิ) สำหรับเพื่อเป็นเกียรติแก่การครบรอบ 1,100 ปีของเมืองหลวงโบราณของสมัยเฮอัน และเป็นที่ประดิษฐานจิตวิญญาณของจักรพรรดิคันมู โดยมีหาดทรายสีขาวตัดกันอย่างน่าทึ่งกับเฉดสีแดงและเขียวที่สวยงามของอาคารศาลเจ้า และในฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะแต่งแต้มสีสันให้กับศาลเจ้าแห่งนี้ เชิญชวนให้นักเดินทางที่ถือกล้องมาถ่ายภาพความวิจิตรตระการตา 

ในวันที่ 22 ตุลาคมของทุกปี ศาลเจ้าจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลซึ่งเป็นหนึ่งในสามงานที่ใหญ่ที่สุดของเกียวโต เทศกาลมีขบวนกลองไทโกะและเครื่องแต่งกายเฉพาะยุคจากยุคสำคัญๆของญี่ปุ่นจาก 8 ยุคสมัย (รวมถึงสมัยเอโดะ, มูโรมาจิ และคามาคุระ) โดยนักแสดงที่จะเดินทางจากพระราชวังเกียวโตมายังศาลเจ้าแห่งนี้

ตามตำนานเล่าว่าเทพที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่ได้รับพรจากลูกสาว 3 คนและลูกชาย 5 คน ด้วยเหตุนี้ศาลเจ้า Okazaki-jinja จึงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่สวดมนต์เพื่อผู้ที่หวังจะตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย, การคลอดบุตรที่แข็งแรง และความสุขในการแต่งงาน บริเวณนี้เป็นบ้านของกระต่ายป่ามาช้านานแล้ว และเนื่องจากกระต่ายยังถูกใช้เป็นคำอุปมาเรื่องการมีลูกอีกด้วย บริเวณศาลเจ้าจึงเต็มไปด้วยรูปปั้นกระต่ายหลายสิบตัว ทำให้ศาลเจ้ามีชื่อเล่นว่า "Usagi-jinja" (ศาลเจ้ากระต่าย) 

กิจกรรมที่ขึ้นชื่อบริเวณศาลเจ้าคือการชมเจ้ากระต่ายในวัยเจริญพันธุ์ (เพียงแค่เทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงไปแล้วถูท้องเพื่อให้เกิดมีสุขภาพแข็งแรงและมีลูกๆที่น่ารัก) รวมทั้งใบดูดวงจากกระต่ายแสนน่ารัก อีกทั้งมีสุนัขอารักขาขนาบข้างศาลเจ้าที่ไม่ใช่สุนัขจริงๆ (แต่คุณก็สามารถเดาได้ว่านั่นคือกระต่ายเช่นกัน)

วัดนันเซ็นจิเป็นสถานที่ชมต้นเมเปิ้ลที่มีชื่อเสียง เป็นวัดหลักของนิกายนันเซ็นจิของสำนักพุทธศาสนารินไซ โดยผู้ที่มาเยี่ยมชมสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์อันตระการตาจากประตูซันมงของวัด ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสามประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีงานอาร์ตเวิร์คที่สวยงามของ Kano Tan'yu และสวนหินแบบญี่ปุ่นที่ออกแบบโดย Kobori Enshu

นอกจากนี้เราขอแนะนำให้ลองไปที่สะพานส่งน้ำซุยโรคาคุที่สร้างจากอิฐสีแดงของวัด มันถูกใช้เป็นฉากประกอบการแสดงมากมายในละครระทึกขวัญของญี่ปุ่น (ผู้อ่านบางคนอาจเคยเห็นมันมาก่อนจากในทีวีโดยไม่รู้ตัว) 

อีกทั้งวัดนันเซ็นจิมีชื่อเสียงในเรื่องเต้าหู้ต้ม โดยคุณจะพบร้านเต้าหู้ที่มีชื่อเสียง เช่นร้านอาหารจุนเซ และโอคุตันในบริเวณใกล้เคียง

ย่านฟูชิมินั้นมีชื่อเสียงจากการพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับผลิตสาเก ขณะที่ย่านอุจิที่อยู่ใกล้เคียงก็มีชื่อเสียงในด้านชามัทฉะที่เข้มข้น ในพื้นที่ทั้งสองนี้คุณจะได้พบกับมนต์เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจากสถานที่เงียบสงบและสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างแตกต่างจากใจกลางเมืองเกียวโต

ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าที่ดลบันดาลความสำเร็จในการทำงานและการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ นี่คือศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าอินาริมากกว่า 30,000 แห่งที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ภูเขาอินาริที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้าหลักนั้นเต็มไปด้วยศาลเจ้าขนาดเล็กและสุสานจำนวนนับไม่ถ้วน และภาพเซมบง-โทริอิ (เสาโทริอิ 1,000 ต้น) จะทำให้คุณพูดไม่ออก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และได้รับคำชื่นชมมากมาย 

สามารถลองอธิฐานกับบหิน "omokaru" (หินเบาหรือหนัก) โดยยืนต่อหน้าโคมหินและอธิษฐาน แล้วหยิบหินที่วางอยู่บนโคม ถ้าหินเบากว่าที่คุณคาดไว้แสดงว่าคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง แต่ถ้ามันหนักกว่าที่คุณคิดแสดงว่าคุณอาจจะโชคไม่ดีเท่าไร

พิพิธภัณฑ์เก็คเคคังสร้างขึ้นจากโรงผลิตสาเกที่สร้างขึ้นในสมัยเมจิ (ปี 1868-1912) ภายในมีสถาปัตยกรรมอันโอ่อ่า และสามารถพบการจัดแสดงเกี่ยวกับอุปกรณ์สาเกและกระบวนการผลิตสาเก ตลอดจนเอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มสาเกของเกียวโต (โดยเฉพาะของย่านฟุชิมิ) หลังจากเที่ยวชมสถานที่แล้วคุณยังสามารถลองชิมเบียร์คุณภาพสูง เช่น เหล้ายินโจชู อีกทั้งเราขอแนะนำให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดบางส่วนของที่นี่กลับไปเป็นของฝาก

ย่านฟุชิมิยังมีความสัมพันธ์กับอดีตซามูไรในสมัยเอโดะอย่าง "ซากาโมโตะ เรียวมะ" โดยโรงเตี๊ยมเทราดายะแห่งนี้ก็เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในโรงแรมขนาดเล็กที่ซากาโมโตะพำนักอยู่เป็นประจำ รวมถึงมีชื่อเสียงจากเรื่องเหตุการณ์เทราดายะ ซึ่งเป็นความพยายามที่ล้มเหลวในการลอบสังหารเรียวมะ แต่น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้ก็ถูกไฟไหม้ระหว่างการต่อสู้ของ Toba-Fushimi อย่างไรก็ตามโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน ภายในคุณจะพบกับเนื้อหาทางประวัติศาสตร์มากมายเกี่ยวกับ "จิตวิญญาณผู้นำแห่งการปฏิวัติญี่ปุ่น" ในรูปแบบตัวเอง ตลอดจนบทความที่เกี่ยวข้องกับตัวซากาโมโตะโดยตรงในห้องอุเมะโนะมะ

วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของขุนนาง "Fujiwara no Michinaga" และในปี 1053 ลูกชายของเขา "Yorimichi" ได้ปรับปรุงใหม่ให้เป็นวัดในศาสนาพุทธและตั้งชื่อว่า เบียวโดอิน ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยห้องโถงที่มีชื่อว่า Phoenix Hall ที่ซึ่งคุณจะพบเห็นได้จากด้านหลังเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่นนั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิมในฐานะสัญลักษณ์ของผู้สำเร็จราชการ Fujiwara 

หากคุณเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Byodo-in Museum Hoshokan คุณสามารถชมการออกแบบภายในของห้องโถงโดยใช้ภาพ CG อันตระการตา เช่นเดียวกับงานแกะสลักของนกฟีนิกซ์และพระพุทธรูปของพระโพธิสัตว์ Unchu Kuyo ทั้ง 26 องค์ที่เก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ

สะพานอุจิถือได้ว่าเป็นสะพานแห่งแรกของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง สะพานที่คุณเห็นในปัจจุบันนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อปี 1996 และได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้รู้สึกถึงประวัติศาสตร์ในขณะที่ยังคงเข้ากับทัศนียภาพโดยรอบ เนื่องจากย่านอุจิแห่งนี้เป็นฉากในเรื่องราว "The Tale of Genji" จึงยังมีรูปปั้นของผู้แต่ง Murasaki Shikibu ที่เชิงสะพาน

วัดมิมุโรโตะจิเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงจึงได้รับฉายาว่า "วัดไฮเดรนเยีย" มีสวนไฮเดรนเยียที่มีพืชพรรณนานาชนิดกว่า 10,000 ชนิดจากประมาณ 50 สายพันธุ์ และสวนเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมในช่วงฤดูบาน และยังมีดอกอาซาเลียในฤดูใบไม้ผลิและดอกบัวต้นฤดูร้อน จึงมีทิวทัศน์ให้เพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี 

ตัววัดสร้างขึ้นในสมัยนารา (ปี 710-1192) โดยจักรพรรดิโคนิน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์พระโคตม (ศากยมุนี) และพระอมิตาภะตถาคตที่แกะสลักแบบโยเซกิซุกุริ ขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์คือคันน็อนและเซอิชิ

โรงกลั่นที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันในชื่อ "ยามาซากิ" แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างจังหวัดเกียวโตและโอซาก้า ที่นี่คุณจะได้พบกับการจัดแสดงเกี่ยวกับวิสกี้และร้านจำหน่ายสินค้าออริจินัลสุดพิเศษ อีกทั้งยังมีบริการทัวร์โรงงานพร้อมช่วงแวะชิมเครื่องดื่มอีกด้วย (มีค่าบริการ) 

บริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยจุดดึงดูดใจสำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ เช่น ภูเขาเทนโนะทางเหนือของโรงกลั่นที่มีความเกี่ยวข้องกับ "อาเคจิ มิตสึฮิเดะ" ซามูไรที่มีชื่อเสียงและตัวละครหลักในละครประวัติศาสตร์ของช่อง NHK เมื่อปี 2020 เรื่อง "Kirin ga Kuru" 

บริเวณนี้เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นย่านพักผ่อนสำหรับขุนนางในราชสำนัก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูมิภาคนี้

สะพานโทเก็ตสึเคียวเป็นสัญลักษณ์ของอาราชิยามะซึ่งตัวสะพานทอดยาวไปตามแม่น้ำโออิและอยู่เบื้องหน้าภูเขาอาราชิ สะพานแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงามตลอดทั้งปี รวมทั้งดอกซากุระในฤดูร้อนและใบไม้สีแดงเข้มในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นขึ้น คุณยังจะได้เห็นการตกปลาด้วยนกกาน้ำอย่างใกล้ชิดอีกด้วย นอกจากนี้เรายังแนะนำให้ลองเปิดประสบการณ์ขึ้นเรือยากาตะบุเนะเพื่อเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามจากบนน้ำ

เส้นทางของพื้นที่ป่าไผ่แห่งนี้มีระยะทางตั้งแต่ศาลเจ้าโนโนมิยะไปจนถึงพื้นที่โอโคจิซันโซ เรียงรายสองข้างทางด้วยต้นไผ่เขียวขจีที่ให้บรรยากาศอันเงียบสงบอย่างยิ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของอาราชิยามะ สามารถฟังเสียงลมพัดผ่าน สัมผัสกลิ่นอายของต้นไผ่เขียวขจีและแสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ และลิ้มรสทุกช่วงเวลาในขณะที่คุณสำรวจสถานที่แห่งนี้

ศาลเจ้าที่มีความเขียวขจีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางป่าไผ่ชิคุริน โนะ โคมิจิ และเป็นที่นิยมในฐานะสถานที่สำหรับมาอธิษฐานเพื่อขอให้โชคดีในการแต่งงานและขอให้ครอบครัวมีความสุข บริเวณศาลเจ้าเป็นที่ตั้งของหินรูปเต่าศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเล่าว่าถ้าคุณถูมัน มันจะให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงภายในหนึ่งปี ศาลเจ้าแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเก็นจิโมโนกาตาริอีกด้วย

เป็นวัดเซนของโรงเรียนพุทธศาสนารินไซ กล่าวกันว่าบริเวณวัดเทนริวจิเคยมีอาณาเขตล้อมรอบอาราชิยามะ, สะพานโทเก็ตซึเคียว และสวนคาเมยามะทางทิศตะวันตกทั้งหมด แต่ช่างน่าเสียดายเนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงมีคำสั่งของโชกุนที่ยกที่ดินให้ขุนนางในท้องถิ่น พื้นที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงเท่านี้จากที่เคยเป็น อย่างไรก็ตามสวนโซเก็นจิของวัดยังคงรักษารูปลักษณ์เดิมไว้ และมีทางเดินรอบสระน้ำที่ผสมผสานทัศนียภาพเบื้องหลังของภูเเขาคาเมยามะและอาราชิยามะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่แรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "โบราณสถานที่มีทัศนียภาพอันงดงาม" ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งที่มาจากเกียวโตสมัยโบราณอีกด้วย  

อย่าพลาดชมภาพจิตรกรรมมังกรเมฆโดยศิลปิน "Matazo Kayama" บนเพดานฮัตโตะของวัด (เรียกว่า Dharma Hall) โดยคุณสามารถเข้าชมได้ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมทั้งในช่วงที่มีการสักการะพิเศษในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง

ศาลเจ้าคุรุมาซากิ เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าผู้ครอบครองโชคลาภทางการเงิน, ขอให้โชคดีในการแต่งงาน, ความสำเร็จทางวิชาการ และความสำเร็จทางศิลปะ ชื่อของศาลเจ้า ซึ่งหมายถึง "รถตัดขวาง" มาจากเรื่องราวที่เพลาของเกวียนของจักรพรรดิโกซากะหักอย่างลึกลับขณะอยู่หน้าศาลเจ้า รับหินพลังจากศาลเจ้าและกล่าวคำอธิษฐานของคุณอย่างตั้งใจที่หน้าศาลเจ้าหลัก เก็บหินนั้นไว้กับคุณทุกวันเพื่อรับพรจากศาลเจ้า ตามธรรมเนียมแล้ว ในวันที่ความปรารถนาของคุณเป็นจริง ให้หาหินก้อนอื่น (จากใกล้บ้านของคุณ ทะเล แม่น้ำ ภูเขา หรือทุกที่ที่คุณต้องการ) จารึกข้อความขอบคุณบนหินนั้นแล้วมอบให้กับศาลเจ้า หินของคุณจะรวมเข้ากับภูเขาหินใกล้กับศาลเจ้าหลัก ซึ่งทั้งหมดมอบให้โดยผู้ที่ปรารถนาจะเป็นจริง

บริเวณนี้มีศาลเจ้าย่อยอย่างศาลเจ้าเกอิโนะ ซึ่งมีชื่อเสียงจากการมาเยี่ยมเยียนของศิลปินมากมายในขณะที่พวกเขาสวดภาวนาให้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมความสามารถพิเศษ ลองมองดูใกล้ๆ แล้วคุณจะเห็นเสารั้วศาลเจ้าที่ศิลปินต่างๆ นำเสนอ รวมถึงนักพากย์, นักแสดง, ไอดอล, ผู้ให้ความบันเทิงและวงดนตรีญี่ปุ่นอย่าง Johnny's และ Exile

ยินดีต้อนรับสู่สวนสนุกภาพยนตร์แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีศูนย์กลางอยู่ที่จิไดเกกิ สวนสาธารณะที่มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของเมืองในสมัยเอโดะ (ปีค.ศ. 1603-1867) และหากคุณโชคดี คุณอาจจะได้เห็นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ของญี่ปุ่นเกิดขึ้น!

สวนสาธารณะมีโปรแกรมสัมผัสประสบการณ์ยอดนิยมมากมาย เช่น การแสดงนินจา ศิลปะการใช้ดาบที่สอนโดยนักแสดงมืออาชีพโดยตรง แม้แต่บทเรียนเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายที่คุณจะได้สวมเสื้อผ้าและแต่งหน้าแบบเดียวกับมือโปร มีการแสดงพิเศษของ Toei Hero เป็นประจำซึ่งสนุกสำหรับทั้งครอบครัว

วัดไซโฮจิเป็นบ้านของสนามหญ้าที่สวยงามซึ่งมีต้นมอสมากกว่า 120 สายพันธุ์ จึงเป็นที่มาของชื่อเล่นที่น่ารักอย่าง “วัดต้นมอส” และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย โปรดทราบว่าจะต้องยื่นคำร้องล่วงหน้าเพื่อเข้ากราบไหว้วัด ผู้เยี่ยมชมจะได้เข้าร่วมบทเรียนคัดลอกพระสูตรที่วัดหลักก่อนเดินชมสวน 

กระโดดขึ้นเรือที่มีกัปตันและใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงไปตามแม่น้ำผ่านหุบเขายาว 16 กิโลเมตรที่ทอดยาวจากคาเมโอกะไปยังอาราชิยามะ คุณจะต้องรู้สึกตื่นเต้นอย่างแน่นอนเมื่อเรือพ่นละอองน้ำขณะที่แล่นผ่านหินก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างแปลกตา ในฤดูหนาว เรือจะติดตั้งหลังคาไวนิลและเครื่องทำความร้อน ดังนั้นคุณจึงสามารถรักษาความอบอุ่นไว้ท่ามกลางทิวทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะได้

พื้นที่ยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสวนหลังบ้านของเกียวโต เขียวชอุ่มไปด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี ระยะห่างระหว่างคุรามะและคิบุเนะทำให้เป็นเส้นทางเดินป่าในอุดมคติเช่นกัน!

วัดก่อตั้งขึ้นในสมัยนารา (ปีค.ศ. 710-1192) โดยกันโจ (หนึ่งในสาวกที่ดีที่สุดของกันจิน) เพื่อประดิษฐานวิญญาณของเทพบิชามอน หนึ่งในสี่ราชาแห่งสวรรค์แห่งพระพุทธศาสนา ปัจจุบันหอเรโฮเดนเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพบิชามอนที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ ผู้เข้าชมสามารถเดินตามบันไดหินไปยังคอนโดโถงทองคำได้ แต่ก็ยังมีเคเบิลคาร์ที่จะพาคุณไปครึ่งทางเพื่อความสะดวก

หากคุณกำลังเดินป่า มีเส้นทางที่ดีเริ่มต้นที่นี่ซึ่งนำไปสู่ศาลเจ้าคิฟุเนะ ใช้เวลาเดินประมาณสองชั่วโมง และระหว่างทางคุณจะได้พบกับจุดที่น่าสนใจต่างๆ รวมถึงการศึกษานักร้อง-นักแต่งเพลง Akiko Yosano, เส้นทางทีเต็มไปด้วยรากที่พับทับของต้นไม้นับไม่ถ้วนและ่แผ่กิ่งก้านสาขา และอีกสองสามสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะ

ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำคิฟถเนะ ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำคาโมะ คุณจะพบกับขั้นบันไดหินที่นำไปสู่ศาลเจ้าโบราณแห่งนี้ นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีจิตวิญญาณมากที่สุดของเกียวโต เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งสายน้ำและบรรดาผู้ให้โชคลาภในการแต่งงานทำให้เป็นสถานที่สักการะยอดนิยม ในขณะที่คุณอยู่ที่นี่ คุณควรลองเล่นไพ่ทำนายมิซูอุระ-มิคุจิ และวางมันลงในน่านน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เดือดุจากภูเขาคิบุเนะ และตื่นตาตื่นใจกับตัวละครที่บรรยายโชคชะตาของคุณอย่างช้าๆ ปรากฏบนกระดาษ นอกจากนี้ศาลเจ้าหลักจะประดับไฟส่องสว่างในวันที่หิมะตกกระทบพื้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว

ในช่วงฤดูร้อน ริมฝั่งแม่น้ำคิฟุเนะใกล้กับศาลเจ้ามีพื้นยกสูงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้คลายร้อนและอิ่มอร่อยกับอาหารเกียวโต

วัดของโรงเรียนพุทธศาสนาเทนได ประวัติของวัดซันเซ็นอิน เริ่มต้นภายใต้ชื่อ Enyu-bo ซึ่งสร้างขึ้นบนภูเขาเฮเอ โดยพระไซโจ (ชื่อมรณกรรม: Dengyo Daishi) หลังจากย้ายมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ถูกย้ายไปยังที่ตั้งปัจจุบันของโอฮาระหลังจากการบูรณะเมจิ นอกจากสวนทั้งสองแห่งอย่าง สวนชูเฮคิและสวนยูเซที่เมืองเกียวโตกำหนดให้เป็นสวนที่มีทัศนียภาพสวยงามแล้ว ผู้เยี่ยมชมควรแวะไปที่โถงโอโจ โกคุราคุอินของวัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียน

และหากคุณมาที่นี่ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม คุณจะไม่อยากพลาดสวนไฮเดรนเยียซึ่งมีดอกไฮเดรนเยียพันธุ์หายากอย่าง "Star Gazer" บานสะพรั่งสวยงาม 

ภาพที่จัดทำโดย: วัดเอนเรียกุจิ

เป็นที่รู้จักในฐานะวัดหลักของโรงเรียนพุทธศาสนาเทนได เกือบจะเป็นมหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนาและได้ผลิตพระที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง เช่น โฮเน็น ปู่ของพุทธศาสนาในดินแดนบริสุทธิ์, เอไซ ปู่ของโรงเรียนพุทธศาสนา, รินไซหรือโดเก็น ปู่ของโรงเรียนโซโตแห่งพระพุทธศาสนา และชินรัน ปู่ของพุทธศาสนาในดินแดนบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ความสมบูรณ์ของภูเขาเฮเอ เป็นของวัดเอนเรียคุจิ ซึ่งหมายความว่าบริเวณนี้ครอบคลุมพื้นที่ 4,000 เอเคอร์ระหว่างจังหวัดเกียวโตและจังหวัดชิกะ แบ่งออกเป็นสามพื้นที่ ได้แก่ โทโดะ ไซโตะ และโยคาวะ ซึ่งคุณสามารถเห็นโครงสร้างต่างๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ สวนมอสที่งดงาม และใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองเกียวโตและทะเลสาบบิวะอีกด้วย 

การเดินทางไปเกียวโต 
■จากโตเกียว
ขึ้นรถไฟ Tokaido Shinkansen Nozomi Liner จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Kyoto (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที) 

■จากโอซาก้าขึ้นรถด่วนพิเศษจากสถานี JR Osaka ไปยังสถานี JR Kyoto (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)
จากสถานี Osaka-Umeda (โดยสารรถไฟฟ้า Hankyu Line) ให้โดยสารรถไฟ Hankyu Kyoto Main Line ไปยังสถานี Kyoto Kawaramachi (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) 

*สิทธิ์ในรูปภาพบางรูปที่โพสต์ด้านบนเป็นของบริษัทที่จัดหาให้ในตอนแรก
ลิขสิทธิ์ © 2018 Shobunsha Publications, Inc. สงวนลิขสิทธิ